เวปไซด์นี้จะเป็น web site ฟรีที่ใช้สอนการออกเสียง พยัญชนะ A-Z เด็กต้องชอบแน่ ลอง คลิกที่สระa, e, i. o. uจะมีเพลง ที่น่ารักคือ ลองคลิกที่ Gingerbread man จะมีการสอนรูปร่าง รูปทรงเช่น circle, triangle,square,จะพบว่าน่าสนุกมาก มีการออกเสียงและสอนสี (color) ด้วย อยากอ่าน วันที่เดือนและวันได้ก็ลอง คลิกที่ calendar
My name is Chantima Phochaisan, my nickname Tik. I'm born in Erawan, Loei, now I live in Mhahasarakarm.There are four people in my family,(There(11)) I'm first daughter. I have married, and I have a daughter. She is lovely,(Subject Complement - Adjective(2)) and she is a student.(Subject Complement - Noun(3))
I get up in the morning,(Intransitives(1)) I will food my daughter.(Indirect Object(6)) I found this look interesting.(Object Complement Adjective(7))
My husband, he drives a car for me.(Direct Object(5)) because I meeting this work. The meeting is at nine o'clock today,(Subject Complement - Adverb(4)) and I supposed the party downstair.(Object Complement - Adverb(9))
In my free time, I like movie and watch news star on TV. I consider Pancake a beautyful girl.(Object Complement - Noun(8))
I have my friends for Sukin, Monthakarn, Amonrat, Chaiwit, Kraruna, Sanchai, and Wanasanan. Sukin is my close friend,(Present Simple Tense) He is nice, friend, talkative and socialable. He is studying in Loei Rajabhat University.(Present Progessive Tense)He have studed for more than two years,(Present Perfect Tense) and he is working hard this term.(Present Continuous Tense) He lived in Phitsanulok 6 years ago,(Past SimpleTense) but he has been living in Khonkaen.(Present Perfect Continuous Tense)
I called on Sukin, he was cooking while I was playing the game.(Past Continuous Tense) I shall have finished my work by dinner time,(Future Perfect Tense) we when our for a walk after we had eaten dinner.(Present Perfect Tense) We shall be working teacher Jadet tomorrow,(Future Continuous Tense) We shall travel Loei next week.(Future Simple Tense)
Subject Complement หมายถึง ส่วนขยายประธาน
Adverb คือ คำกริยาวิเศษณ์ ทำหน้าที่ขยายคำกริยา, คำคุณศัพท์, และคำกริยาวิเศษณ์ ตัวอย่างเช่น : - Sukin meeting is at Kosa hotel. (สุคินกำลังประชุมที่โรงแรมโฆษะโฮเทล) - Sukin is eatingin the cafeteria. (สุคินกำลังรับประทานอาหารในโรงอาหาร)
5.Direc Object โครงสร้างประโยค : NP(1) + VT + NP(2) + ( .....) Direct Object คือกรรมตรงของกริยาที่ต้องการกรรม (Transitive Verb) จะเรียกว่ากรรมตรงของประโยคก็ได้ โดยปกติแล้วกรรมตรงจะถูกวางไว้หลังกรรมรอง (Indirect Object) ตัวอย่างเช่น : - Monthakarn sent me a letter. (มณฑกานต์ได้ส่งจดหมายมาถึงฉันฉบับหนึ่ง)
(a letter เป็นกรรมตรงของกริยา sent และวางไว้หลังกรรมรอง คือ me) - Monthakarn told me the story. (มณฑกานต์ได้เล่าเรื่องหนึ่งให้ฉันฟัง)
6.Indirect Object โครงสร้างประโยค : NP(1) + VT + NP(2) + NP(3) + Adv Indirect Object คือกรรมรองของกริยาที่ต้องการกรรม (Transitive) จะเรียกว่า กรรมรองของประโยคก็ได้ โดยปกติแล้วกรรมรองจะถูกวางไว้หน้ากรรมตรง (Direct Object) และกรรมรองมักจะเป็นคน ตัวอย่างเช่น : - Monthakarn will buy me a new shirt. (มณฑกานต์จะซื้อเสื้อใหม่ให้ฉัน) - Sukin teaches me English. (สุคินสอนภาษาอังกฤษให้ฉัน)
10.Object Complement - Participle โครงสร้างประโยค : NP(1) + VT + NP(2) + Participle Participle คือคำกริยาที่เติม ing บ้างหรือเป็นรูปกริยาช่อง 3 บ้างแล้วนำมาใช้ทำหน้าที่อย่างอื่นมิได้ใช้เป็นกริยาจริงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด 1. Present Participleคือกริยาช่องที่ 1 เติม ing แล้วนำมาใช้เป็นครึ่งกริยาครึ่งคุณศัพท์ได้แก่คำว่า Going, walking, eating, sleeping, coming, etc. แปลความหมายว่า ซึ่ง....., เกี่ยวกับ......, ที่ซึ่ง......, ที่ใช้........ ซึ่งมีวิธีใช้ดังนี้. 1.เรียงตามหลัง Verb to be ทำให้ประโยคนั้นเป็น Continuous tense. 2.เรียงไว้หน้านามเป็นคุณศัพท์ของนามนั้น. 3.เรียงตามหลังกริยาเป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา(มีสำเนียงแปลว่า”น่า”). 4.เรียงตามหลังกรรมเป็นคำขยายกรรมนั้น. 2. Past Participleคือกริยาช่องที่ 3 ซึ่งอาจมีรูปมทาจากการเติม ed. ก็ได้หรือมีรูปมาจากการผันก็ได้ได้แก่กริยาต่อไปนี้ Walked, slept, gone . ..etc. มีวิธีใช้ดังนี้. 1.เรียงไว้หลัง Verb to have ทำให้ประโยคนั้นเป็น Perfect tense. 2.เรียงตามหลัง Verb to be ทำให้ประโยคนั้นเป็นกรรมวาจก(Passive voice)ตลอดไป. 3.เรียงไว้หน้านามเป็นคุณศัพท์ของนามนั้น. 4.ใช้เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยาได้. 5.ใช้เรียงตามหลังนามก็ได้แต่ต้องมีบุรพบทวลีมาขยายเสมอ. ตัวอย่างเช่น : - Monthakarn was a meeting yesterday. (มณฑกานต์อยู่ประชุมเมื่อวานนี้) - We will go shopping at the Central. (พวกเราจะไปช็อบปิ้งที่เซ็นทรัล) 11.There โครงสร้างประโยค : There + Be + NP ตัวอย่างเช่น : - There aremany peoplein the market. (มีผู้คนมากมายในตลาด) - There arethievesinmy house. (มีขโมยในบ้านของฉัน)
12.It - Link โครงสร้างประโยค : It + Lv/ Be + Adj/ Adv ตัวอย่างเช่น : - It is aholidaytoday. (วันนี้เป็นวันหยุด) - It wasa weddinganniversary. (วันนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงาน)
13.It - Intrans โครงสร้างประโยค : It + VL ตัวอย่างเช่น : - It cool. - It is rainning now.
โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 Tense ย่อย มีโครงสร้างของประโยคดังนี้ Present Tense 1. Present Simple Tense S + V.1
2. Present Progressive Tense S + is ,am , are + V.1 เติม ing
3. Present Perfect Tense S + have , has + V.3
4. Present Perfect Progressive Tense S + have , has + been + V.1 เติม ing
Past Tense 1. Past Simple Tense S + V.2
2. Past Progressive Tense S + was , were + V.1 เติม ing
3. Past Perfect Tense S + had + V.3
4. Past Perfect Progressive Tense S + had + been + V.1 เติม ing
Future Tense 1. Future Simple Tense S + will , shall +V.1
2. Future Progressive Tense S + will, shall + be + V.1 เติม ing
3. Future Perfect Tense S + will , shall + have , has + V.3
4. Future Perfect Progressive Tense S +will , shall + have + been + V.1 เติม ing 1.Present SimpleTense (ปัจจุบันกาลปกติ)
ประโยค Present Progressive Tense เชิงบอกเล่า โครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb 1 ing.
(ประธาน + is, am, are + กริยาช่อง 1 เติม ing.) ตัวอย่าง: 1. Sukin is sleeping. (สุคินกำลังนอนหลับ)
2. Amonrat is my close friend.(อมรรัตน์เป็นเพื่อนสนิทของฉัน) - ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงในขณะพูด
3.Present Perfect Tense(ปัจจุบันกาลสมบูรณ์)
ประโยค Present Perfect Tense เชิงบอกเล่า
( ประธาน + have , has + กริยาช่อง 3 ) ตัวอย่าง :
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น - Sukin has studied English for 2 years. ( สุคินเรียนภาษาอังกฤษมา 5ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังเรียนอยู่ )
1.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ คาดว่าจะสิ้นสุดในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในอนาคต โดยมักใช้กับ by + (by next week, by next month by the end of this year, etc.) เช่น
- Sukin will have completed my work by tomorrow. (สุคินจะทำงานของฉันเสร็จสมบูรณ์ในวันพรุ่งนี้)