วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Instruction English education

เวปไซค์ที่เกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษ
เวปไซด์ที่เกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษ ได้แก่ เวป  http://www.starfall.com
                        เวปไซด์นี้จะเป็น web site ฟรีที่ใช้สอนการออกเสียง พยัญชนะ A-Z เด็กต้องชอบแน่ ลอง คลิกที่สระ a, e, i. o. u จะมีเพลง ที่น่ารักคือ ลองคลิกที่ Gingerbread man จะมีการสอนรูปร่าง รูปทรงเช่น circle, triangle,square,จะพบว่าน่าสนุกมาก มีการออกเสียงและสอนสี (color) ด้วย อยากอ่าน วันที่เดือนและวันได้ก็ลอง คลิกที่ calendar
ประโยชน์ของเวปไซด์
              1.ช่วยให้เด็กและเยาวชน มีพัฒนาการในด้านการออกเสียงพยัญชนะ การเรียนรู้รูปร่าง รูปทรง ต่างๆ
             2.ทำให้เด็กรู้สึกสนุกสนานในการเรียนออกเสียง และการอ่าน ตาม คำ หรือ อักษรพยัญชนะนั้นๆ
             3.ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
 มีการแนะนำในการสอนอย่างไร
             ซึ่งมีการ แนะนำในการอ่านออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษ ว่าออกเสียงแบบไหนถึงจะถูกต้อง

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

MV LMFAO - Sexy and I know it

คำเตือน เด็กอายุ ต่ำกว่า 18 และ คุณผู้หญิง ควรเตรียมใจก่อนดู

13 Basic sentence patterns


             My name is Chantima Phochaisan, my nickname Tik. I'm born in Erawan, Loei, now I live in Mhahasarakarm.There are four people in my family,(There(11)) I'm first daughter. I have married, and I have a daughter. She is lovely,(Subject Complement - Adjective(2)) and she is a student.(Subject Complement - Noun(3))  
             I get up in the morning,(Intransitives(1)) I will food my daughter.(Indirect Object(6)) I found this look interesting.(Object Complement Adjective(7)) 
             My husband, he drives a car for me.(Direct Object(5)) because I meeting this work. The meeting is at nine o'clock today,(Subject Complement - Adverb(4)) and I supposed the party downstair.(Object Complement - Adverb(9))
             In my free time, I like movie and watch news star on TV. I consider Pancake a beautyful girl.(Object Complement - Noun(8))


Tenses


 
           I have my friends for Sukin, Monthakarn, Amonrat, Chaiwit, Kraruna, Sanchai, and Wanasanan. Sukin is my close friend,(Present Simple Tense) He is nice, friend, talkative and socialable. He is studying in Loei Rajabhat University.(Present Progessive Tense) He have studed for more than two years,(Present Perfect Tense) and he is working hard this term.(Present Continuous Tense)
           He lived in Phitsanulok 6 years ago,(Past SimpleTense) but he has been living in Khonkaen.(Present Perfect Continuous Tense)
           I called on Sukin, he was cooking while I was playing the game.(Past Continuous Tense) I shall have finished my work by dinner time,(Future Perfect Tense) we when our for a walk after we had eaten dinner.(Present Perfect Tense) We shall be working teacher Jadet tomorrow,(Future Continuous Tense) We shall travel Loei next week.(Future Simple Tense)

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

13 Basic sentence patterns


13 Basic sentence patterns

1.Intransitives
โครงสร้างประโยค : NP + VI + (Adv, M, P, T)
Intransitive Verb คือ "อกรรมกริยา" ได้แก่ "กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมตามมา หรือมีกรรมมารองรับ เพราะมีเนื้อความสมบูรณ์อยู่ในตัวอยู่แล้ว" กริยาต่อไปนี้จัดอยู่ในประเภทอกรรมกริยาคือ

go ไป

run วิ่ง

sleep หลับ

dance เต้นรำ

stay พัก,อยู่

come มา

fly บิน

light ส่องแสง,จุด

regret เสียใจ

sit นั่ง

stand ยืน

exhale หายใจออก
ตัวอย่างเช่น :
          - Chaiwit looks unhappy. (ไชยวิทญ์ดูท่าไม่สบาย)
          - Monthakarn dances very well. (มณฑกานต์เต้นรำได้ดีมาก)


2.Subject Complement - Adjective
โครงสร้างประโยค : NP + Be/ Lv + Adj + (Adv, P, T)
Subject Complement หมายถึง ส่วนขยายประธาน
Adjective คำคุณศัพท์ เป็นคำที่อธิบายถึง ลักษณะ ขนาด สี ของบุคคล สัตว์ และสิ่งของต่างๆ เช่นbig, small, sad, happy, red, hungry, good เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น :
          - Amonrat is beautiful. (อมรรัตน์เป็นคนสวย)
          - Sukin is a good man. (สุคินเป็นคนดี)


3.Subject Complement - Nounโครงสร้างประโยค : NP(1) + Be/ Lv + NP(1) + (Adv, P, T)
Subject Complement หมายถึง ส่วนขยายประธาน
Nouns (คำนาม) หมายถึง คำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งต่างๆ สถานที่ คุณสมบัติ สภาพ อาการ การกระทำ ความคิด ความรู้สึก ทั้งที่มีรูปร่างให้มองเห็น และไม่มีรูปร่าง
ตัวอย่างเช่น :
          - Sukin is a student. (สุคินเป็นนักเรียน)
          - Amonrat is a teacher. (อมรรัตน์เป็นคุณครู)

4.Subject Complement - Adverb
โครงสร้างประโยค : NP + Be+ Adv + ( P, T)
Subject Complement หมายถึง ส่วนขยายประธาน
Adverb คือ คำกริยาวิเศษณ์ ทำหน้าที่ขยายคำกริยา, คำคุณศัพท์, และคำกริยาวิเศษณ์

ตัวอย่างเช่น :
          - Sukin meeting is at Kosa hotel. (สุคินกำลังประชุมที่โรงแรมโฆษะโฮเทล)
          - Sukin is eating in the cafeteria. (สุคินกำลังรับประทานอาหารในโรงอาหาร)

5.Direc Object
โครงสร้างประโยค : NP(1) + VT + NP(2) + ( .....)
Direct Object คือกรรมตรงของกริยาที่ต้องการกรรม (Transitive Verb) จะเรียกว่ากรรมตรงของประโยคก็ได้ โดยปกติแล้วกรรมตรงจะถูกวางไว้หลังกรรมรอง (Indirect Object)
ตัวอย่างเช่น :
          - Monthakarn sent me a letter. (มณฑกานต์ได้ส่งจดหมายมาถึงฉันฉบับหนึ่ง)
                (a letter เป็นกรรมตรงของกริยา sent และวางไว้หลังกรรมรอง คือ me)

          -  Monthakarn told me the story. (มณฑกานต์ได้เล่าเรื่องหนึ่งให้ฉันฟัง)

6.Indirect Object
โครงสร้างประโยค : NP(1) + VT + NP(2) + NP(3) + Adv
 Indirect Object คือกรรมรองของกริยาที่ต้องการกรรม (Transitive) จะเรียกว่า กรรมรองของประโยคก็ได้ โดยปกติแล้วกรรมรองจะถูกวางไว้หน้ากรรมตรง (Direct Object) และกรรมรองมักจะเป็นคน
ตัวอย่างเช่น :
          - Monthakarn will buy me a new shirt. (มณฑกานต์จะซื้อเสื้อใหม่ให้ฉัน)
          - Sukin teaches me English. (สุคินสอนภาษาอังกฤษให้ฉัน)

7.Object Complement - Adjective
โครงสร้างประโยค : NP(1) + VT + NP(2) + Adj + (.....)
Objective complement หรือส่วนขยายกรรม ทำหน้าที่คล้ายกับ subjective complement ส่วนขยายประธาน
ตัวอย่างเช่น :
          - Sukin like coffee bitter. (สุคินชอบกาแฟรสขม)
          - Sukin talk with me voice loud class. (สุคินคุยกับฉันเสียงดังลั่นห้องเรียน)

8.Object Complement - Noun
โครงสร้างประโยค : NP(1) + VT + NP(2) + NP(2) + (.....)
Objective complement หรือส่วนขยายกรรม ทำหน้าที่คล้ายกับ subjective complement ส่วนขยายประธาน
ตัวอย่างเช่น :
          - Monthakarn consider Wanassanan a lovely. (มณฑกานต์คิดว่าวนัสนันท์น่ารักที่สุด)


          
9.Object Complement - Adverb
โครงสร้างประโยค : NP + VT + NP(2) + NP(2) + Adv
Objective complement หรือส่วนขยายกรรม ทำหน้าที่คล้ายกับ subjective complement ส่วนขยายประธาน
ตัวอย่างเช่น :
          - Sukin bought meat and eggs yesterday. ( สุคินซื้อเนื้อและไข่มาเมื่อวานนี้ )
          - Sukin clean the classrooms in the morning. (สุคินทำความสะอาดห้องเรียนในตอนเช้า)


10.Object Complement - Participle
โครงสร้างประโยค : NP(1) + VT + NP(2) + Participle
Participle คือคำกริยาที่เติม ing บ้าง หรือเป็นรูปกริยาช่อง 3 บ้าง แล้วนำมาใช้ทำหน้าที่อย่างอื่น มิได้ใช้เป็นกริยาจริง แบ่งออกเป็น  2  ชนิด
1. Present Participle คือกริยาช่องที่ 1 เติม ing แล้วนำมาใช้เป็นครึ่งกริยาครึ่งคุณศัพท์ ได้แก่คำว่า Going, walking, eating, sleeping, coming, etc.    แปลความหมายว่า ซึ่ง....., เกี่ยวกับ......, ที่ซึ่ง......, ที่ใช้........
ซึ่งมีวิธีใช้ดังนี้.

                1. เรียงตามหลัง Verb to be ทำให้ประโยคนั้นเป็น Continuous tense.
                2. เรียงไว้หน้านาม เป็นคุณศัพท์ของนามนั้น.
                3. เรียงตามหลังกริยา เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา(มีสำเนียงแปลว่าน่า).
                4. เรียงตามหลังกรรมเป็นคำขยายกรรมนั้น.
2. Past Participle คือกริยาช่องที่ 3 ซึ่งอาจมีรูปมทาจากการเติม ed. ก็ได้ หรือมีรูปมาจาก การผันก็ได้ ได้แก่กริยาต่อไปนี้ Walked, slept, gone . ..etc. มีวิธีใช้ดังนี้.
               1. เรียงไว้หลัง Verb to have ทำให้ประโยคนั้นเป็น Perfect tense.
               2. เรียงตามหลัง Verb to be ทำให้ประโยคนั้นเป็นกรรมวาจก(Passive voice)ตลอดไป.
               3. เรียงไว้หน้านามเป็นคุณศัพท์ของนามนั้น.
               4. ใช้เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยาได้.
               5. ใช้เรียงตามหลังนามก็ได้ แต่ต้องมีบุรพบทวลีมาขยายเสมอ.
ตัวอย่างเช่น :
          - Monthakarn was a meeting yesterday. (มณฑกานต์อยู่ประชุมเมื่อวานนี้)
          - We will go shopping at the Central. (พวกเราจะไปช็อบปิ้งที่เซ็นทรัล)


11.There
โครงสร้างประโยค : There + Be + NP
ตัวอย่างเช่น :
          - There are many people in the market. (มีผู้คนมากมายในตลาด)
          - There are thieves in my house. (มีขโมยในบ้านของฉัน)

12.It - Link
โครงสร้างประโยค : It + Lv/ Be + Adj/ Adv
ตัวอย่างเช่น :
          - It is a holiday today. (วันนี้เป็นวันหยุด)
          - It was a wedding anniversary. (วันนี้เป็นวันครบรอบวันแต่งงาน)

13.It - Intrans
โครงสร้างประโยค : It + VL
ตัวอย่างเช่น :
          - It cool.
          - It is rainning now.


The End





 





           

Tenses


    Tenses   
         
              Tense ( กาล ) เป็นรูปแบบของคำกริยาที่บอกความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำกับเวลาที่เกิดขึ้น ความต่อเนื่องของการกระทำ ความเสร็จสมบูรณ์ของการกระทำ
Tense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ
ชนิดของ Tense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ

1. Present Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นปัจจุบัน
2. Past Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอดีต
3. Future Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอนาคต
แต่ละ Tense ใหญ่แบ่งออกเป็น 4 Tense ย่อย จึงมีทั้งหมด 12 Tense ดังนี้
<> 


Present Tense


Past Tense


Future Tense
1. Present Simple Tense 1. Past Simple Tense 1. Future Simple Tense
2. Present Progressive Tense 2. Past Progressive Tense 2. Future Progressive Tense
3. Present Perfect Tense 3. Past Perfect Tense 3. Future Perfect Tense
4. Present Perfect Progressive Tense 4. Past Perfect Progressive Tense 4. Future Perfect Progressive Tense

โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 Tense ย่อย มีโครงสร้างของประโยคดังนี้
Present Tense 
1. Present Simple Tense S + V.1
2. Present Progressive Tense S + is ,am , are + V.1 เติม ing
3. Present Perfect Tense S + have , has + V.3
4. Present Perfect Progressive Tense S + have , has + been + V.1 เติม ing

Past Tense 
1. Past Simple Tense S + V.2
2. Past Progressive Tense S + was , were + V.1 เติม ing
3. Past Perfect Tense S + had + V.3
4. Past Perfect Progressive Tense S + had + been + V.1 เติม ing

Future Tense 1. Future Simple Tense S + will , shall +V.1
2. Future Progressive Tense S + will, shall + be + V.1 เติม ing
3. Future Perfect Tense S + will , shall + have , has + V.3
4. Future Perfect Progressive Tense S +will , shall + have + been + V.1 เติม ing


1.Present SimpleTense (ปัจจุบันกาลปกติ)
โครงสร้าง: Subject + Verb1
                ( ประธาน + กริยาช่อง 1 )
ตัวอย่าง :

1. Sukin is sleeping. (สุคินกำลังนอนหลับ)
2. Amonrat is my close friend.(อมรรัตน์เป็นเพื่อนสนิทของฉัน) - ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงในขณะพูด
2.Present Progressive Tense (ปัจจุบันกาลต่อเนื่อง)
ประโยค Present Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb 1 ing.
                (ประธาน + is, am, are + กริยาช่อง 1 เติม ing.)
ตัวอย่าง: 1. Sukin is sleeping. (สุคินกำลังนอนหลับ)
2. Amonrat is my close friend.(อมรรัตน์เป็นเพื่อนสนิทของฉัน) - ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงในขณะพูด

3.Present Perfect Tense(ปัจจุบันกาลสมบูรณ์)
ประโยค Present Perfect Tense เชิงบอกเล่า
            ( ประธาน + have , has + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง :
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น   
   - Sukin has studied English for 2 years. ( สุคินเรียนภาษาอังกฤษมา 5ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังเรียนอยู่ )
2.ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาถึงเวลาปัจจุบัน เช่น
   -Monthakarn has stayed in Khonkaen up to the present time. (มณฑกานต์มาอยู่ขอนแก่นจนกระทั่งบัดนี้ (ขณะนี้ก็ยังไม่ได้ไปอยู่ที่อื่น))

4.Present Perfect Progressive Tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์ต่อเนื่อง)
ประโยค Present Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + have, has + been + V.1 ing
                (ประธาน + have, has + been + V.1 เติม ing)
ตัวอย่าง: 1. Amonrat has been speaking for 3 hours. (อมรรัตน์พูดมา 3 ชั่วโมงแล้ว)
2. I have been playing games since afternoon. (ฉันเล่นเกมส์มาตั้งแต่ตอนบ่าย)

5.Past Simple Tense(อดีตกาลปกติ)
 โครงสร้าง: Subject + V.2
                   (ประธาน + กริยาช่อง 2 )
ตัวอย่าง: 1. Monthakare cooked every night last month. (มณฑกานต์ทำอาหารทุกคืนเมื่อเดือนที่แล้ว)

2. Sukin always cried when he was young. (สุคินร้องไห้เป็นประจำ ตอนเขายังเด็ก)

6.Past Progressive Tense (อดีตกาลต่อเนื่อง)
ประโยค Past Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + was, were + V.1 ing
               (ประธาน + was, were + กริยาช่องที่ 1 เติม ing)
ตัวอย่าง:
1.ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นควบคู่กันไป ณ เวลาเดียวกัน (Parallel Actions) โดย เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์จะใช้ Past Continuous Tense เช่น
   - I was sleeping while the teacher was teaching.(ฉันนอนหลับขณะที่คุณครูกำลังสอนอยู่)
2.ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นในอดีต ในช่วงเวลาที่บ่งไว้อย่างชัดเจน เช่น
  - I was taking a shower at eight o’clock last night.(ฉันกำลังอาบน้ำอยู่เมื่อวานตอนสองทุ่ม)

7.Past Perfect Tense (อดีตกาลสมบูรณ์)
โครงสร้าง:  Subject + had + V.3
               (ประธาน + had + กริยาช่องที่ 3)
ตัวอย่าง:
1.ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่ เกิดขึ้น และสิ้นสุดลงแล้วในอดีตทั้ง 2 เหตุการณ์ เช่น
   - We had gone out before he came. (เราออกไปข้างนอกกันแล้วก่อนที่เขาจะมา)
2. When I called On Monthakarn, her mother told me that she had left home.
  (เมื่อฉันไปเยี่ยมมณฑกานต์ แม่ของเธอบอกฉันว่า ฌะอได้ออกจากบ้านไปแล้ว)

8.Past Perfect Progressive Tense (อดีตกาลสมบูรณ์ต่อเนื่อง)
ประโยค Past Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + had + been + V.1 ing
                (ประธาน + had + been + กริยาช่อง 1 เติม ing)
ตัวอย่าง:
1.ใช้พูดถึงการกระทำที่ เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาในอดีต และได้สิ้นสุดลงแล้ว เช่น
   - Chaiwit had been smoking for 5 months. (ไชยวิทย์เคยสูบบุหรี่มาเป็นเวลาห้าเดือน)
2.ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นและดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต โดยอาจใช้กับคำว่า since และ for เช่น
   - Amonrat had been shouting for help since she fell down the stairs. (อมรรัตน์ได้ร้องขอความช่วยเหลือตั้งแต่เธอได้ตกบันไดลงมา)

 9.Future Simple Tense (อนาคตกาลปกติ)
ประโยค Future Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + will, shall + have + been + V.1 ing
                (ประธาน+ will shall +have +been + กริยาช่อง 1 เติม ing)
ตัวอย่าง: 

1.ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมักใช้กับ Adverb of Time เช่น tomorrow, next…, soon, shortly, later และอื่นๆ เช่น
   - Wanassanan will go to the hospital tomorrow. (ฉันจะไปโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้)
2.ใช้กับประโยคที่ ตัดสินใจในขณะที่พูด โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน เช่น
    -I think I will buy a new mobile phone next week. (ฉันคิดว่าฉันจะซื้อมือถือเครื่องใหม่อาทิตย์หน้า)

10.Future Progressive Tense (อนาคตกาลต่อเนื่อง)
ประโยค Future Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + will, shall + be + V.1 ing
                (ประธาน + will, shall + be + กริยาช่อง 1 เติม ing)
ตัวอย่าง:

1.ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคตที่ได้ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า จะทำเช่นนี้จริงๆ เช่น
   - We shall be workingall day tomorrow. (พรุ่งนี้พวกเราจะทำงานทั้งวัน)
2. Amonrat will be finishing his work at 7 o’clock. (อมรรัตน์จะทำงานของเขาเสร็จตอนเจ็ดโมงเช้า)

11.Future Perfect Tense (อนาคตกาลสมบูรณ์)
ประโยค Future Perfect Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + will, shall + have + V.3
                (ประธาน + will, shall + have + กริยาช่อง 3)
ตัวอย่าง:
1.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ คาดว่าจะสิ้นสุดในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในอนาคต โดยมักใช้กับ by + (by next week, by next month by the end of this year, etc.) เช่น
   - Sukin will have completed my work by tomorrow. (สุคินจะทำงานของฉันเสร็จสมบูรณ์ในวันพรุ่งนี้)
2.ใช้เพื่อแสดงความสงสัยว่า คงจะอย่างนั้น อย่างนี้แล้วก็ได้ เช่น
   - I expect you will have heard that Wanassanan is going to be married next month. (ฉันคาดว่าคุณคงจะทราบข่าวมาแล้วว่า วนัสนันท์จะแต่งงานล่วงหน้า)

12.Future Perfect Progressive Tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์)
ประโยค Future Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + will, shall + have + been + V.1 ing
                (ประธาน+ will shall +have +been + กริยาช่อง 1 เติม ing)
ตัวอย่าง:
1.เน้นการกระทำหรือเหตุการณ์ที่ ดำเนินอยู่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งและยังคงจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต โดยมักใช้กับ for + เพื่อแสดงระยะเวลาของเหตุการณ์ หรือ การกระทำนั้นๆ เช่น
   - In 5 minutes, Amonrat will have been working for 12 hours. (ในอีกห้านาทีนี้ ผมก็จะทำงานครบ 12   ชั่วโมงพอดี)
 2.ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่ ต้องการเน้นความต่อเนื่องของการกระทำใดการกระทำหนึ่งในอนาคต เช่น
   - He shall have been cleaning his room for an hour when I visit him.
(เขาน่าจะกำลังทำความสะอาดห้องของเขาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วในตอนที่ฉันไปหาเขา)

The End