วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Tenses


    Tenses   
         
              Tense ( กาล ) เป็นรูปแบบของคำกริยาที่บอกความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำกับเวลาที่เกิดขึ้น ความต่อเนื่องของการกระทำ ความเสร็จสมบูรณ์ของการกระทำ
Tense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ
ชนิดของ Tense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ

1. Present Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นปัจจุบัน
2. Past Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอดีต
3. Future Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอนาคต
แต่ละ Tense ใหญ่แบ่งออกเป็น 4 Tense ย่อย จึงมีทั้งหมด 12 Tense ดังนี้
<> 


Present Tense


Past Tense


Future Tense
1. Present Simple Tense 1. Past Simple Tense 1. Future Simple Tense
2. Present Progressive Tense 2. Past Progressive Tense 2. Future Progressive Tense
3. Present Perfect Tense 3. Past Perfect Tense 3. Future Perfect Tense
4. Present Perfect Progressive Tense 4. Past Perfect Progressive Tense 4. Future Perfect Progressive Tense

โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 Tense ย่อย มีโครงสร้างของประโยคดังนี้
Present Tense 
1. Present Simple Tense S + V.1
2. Present Progressive Tense S + is ,am , are + V.1 เติม ing
3. Present Perfect Tense S + have , has + V.3
4. Present Perfect Progressive Tense S + have , has + been + V.1 เติม ing

Past Tense 
1. Past Simple Tense S + V.2
2. Past Progressive Tense S + was , were + V.1 เติม ing
3. Past Perfect Tense S + had + V.3
4. Past Perfect Progressive Tense S + had + been + V.1 เติม ing

Future Tense 1. Future Simple Tense S + will , shall +V.1
2. Future Progressive Tense S + will, shall + be + V.1 เติม ing
3. Future Perfect Tense S + will , shall + have , has + V.3
4. Future Perfect Progressive Tense S +will , shall + have + been + V.1 เติม ing


1.Present SimpleTense (ปัจจุบันกาลปกติ)
โครงสร้าง: Subject + Verb1
                ( ประธาน + กริยาช่อง 1 )
ตัวอย่าง :

1. Sukin is sleeping. (สุคินกำลังนอนหลับ)
2. Amonrat is my close friend.(อมรรัตน์เป็นเพื่อนสนิทของฉัน) - ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงในขณะพูด
2.Present Progressive Tense (ปัจจุบันกาลต่อเนื่อง)
ประโยค Present Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb 1 ing.
                (ประธาน + is, am, are + กริยาช่อง 1 เติม ing.)
ตัวอย่าง: 1. Sukin is sleeping. (สุคินกำลังนอนหลับ)
2. Amonrat is my close friend.(อมรรัตน์เป็นเพื่อนสนิทของฉัน) - ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงในขณะพูด

3.Present Perfect Tense(ปัจจุบันกาลสมบูรณ์)
ประโยค Present Perfect Tense เชิงบอกเล่า
            ( ประธาน + have , has + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง :
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น   
   - Sukin has studied English for 2 years. ( สุคินเรียนภาษาอังกฤษมา 5ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังเรียนอยู่ )
2.ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาถึงเวลาปัจจุบัน เช่น
   -Monthakarn has stayed in Khonkaen up to the present time. (มณฑกานต์มาอยู่ขอนแก่นจนกระทั่งบัดนี้ (ขณะนี้ก็ยังไม่ได้ไปอยู่ที่อื่น))

4.Present Perfect Progressive Tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์ต่อเนื่อง)
ประโยค Present Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + have, has + been + V.1 ing
                (ประธาน + have, has + been + V.1 เติม ing)
ตัวอย่าง: 1. Amonrat has been speaking for 3 hours. (อมรรัตน์พูดมา 3 ชั่วโมงแล้ว)
2. I have been playing games since afternoon. (ฉันเล่นเกมส์มาตั้งแต่ตอนบ่าย)

5.Past Simple Tense(อดีตกาลปกติ)
 โครงสร้าง: Subject + V.2
                   (ประธาน + กริยาช่อง 2 )
ตัวอย่าง: 1. Monthakare cooked every night last month. (มณฑกานต์ทำอาหารทุกคืนเมื่อเดือนที่แล้ว)

2. Sukin always cried when he was young. (สุคินร้องไห้เป็นประจำ ตอนเขายังเด็ก)

6.Past Progressive Tense (อดีตกาลต่อเนื่อง)
ประโยค Past Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + was, were + V.1 ing
               (ประธาน + was, were + กริยาช่องที่ 1 เติม ing)
ตัวอย่าง:
1.ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นควบคู่กันไป ณ เวลาเดียวกัน (Parallel Actions) โดย เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์จะใช้ Past Continuous Tense เช่น
   - I was sleeping while the teacher was teaching.(ฉันนอนหลับขณะที่คุณครูกำลังสอนอยู่)
2.ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นในอดีต ในช่วงเวลาที่บ่งไว้อย่างชัดเจน เช่น
  - I was taking a shower at eight o’clock last night.(ฉันกำลังอาบน้ำอยู่เมื่อวานตอนสองทุ่ม)

7.Past Perfect Tense (อดีตกาลสมบูรณ์)
โครงสร้าง:  Subject + had + V.3
               (ประธาน + had + กริยาช่องที่ 3)
ตัวอย่าง:
1.ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่ เกิดขึ้น และสิ้นสุดลงแล้วในอดีตทั้ง 2 เหตุการณ์ เช่น
   - We had gone out before he came. (เราออกไปข้างนอกกันแล้วก่อนที่เขาจะมา)
2. When I called On Monthakarn, her mother told me that she had left home.
  (เมื่อฉันไปเยี่ยมมณฑกานต์ แม่ของเธอบอกฉันว่า ฌะอได้ออกจากบ้านไปแล้ว)

8.Past Perfect Progressive Tense (อดีตกาลสมบูรณ์ต่อเนื่อง)
ประโยค Past Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + had + been + V.1 ing
                (ประธาน + had + been + กริยาช่อง 1 เติม ing)
ตัวอย่าง:
1.ใช้พูดถึงการกระทำที่ เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาในอดีต และได้สิ้นสุดลงแล้ว เช่น
   - Chaiwit had been smoking for 5 months. (ไชยวิทย์เคยสูบบุหรี่มาเป็นเวลาห้าเดือน)
2.ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นและดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต โดยอาจใช้กับคำว่า since และ for เช่น
   - Amonrat had been shouting for help since she fell down the stairs. (อมรรัตน์ได้ร้องขอความช่วยเหลือตั้งแต่เธอได้ตกบันไดลงมา)

 9.Future Simple Tense (อนาคตกาลปกติ)
ประโยค Future Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + will, shall + have + been + V.1 ing
                (ประธาน+ will shall +have +been + กริยาช่อง 1 เติม ing)
ตัวอย่าง: 

1.ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมักใช้กับ Adverb of Time เช่น tomorrow, next…, soon, shortly, later และอื่นๆ เช่น
   - Wanassanan will go to the hospital tomorrow. (ฉันจะไปโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้)
2.ใช้กับประโยคที่ ตัดสินใจในขณะที่พูด โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน เช่น
    -I think I will buy a new mobile phone next week. (ฉันคิดว่าฉันจะซื้อมือถือเครื่องใหม่อาทิตย์หน้า)

10.Future Progressive Tense (อนาคตกาลต่อเนื่อง)
ประโยค Future Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + will, shall + be + V.1 ing
                (ประธาน + will, shall + be + กริยาช่อง 1 เติม ing)
ตัวอย่าง:

1.ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคตที่ได้ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า จะทำเช่นนี้จริงๆ เช่น
   - We shall be workingall day tomorrow. (พรุ่งนี้พวกเราจะทำงานทั้งวัน)
2. Amonrat will be finishing his work at 7 o’clock. (อมรรัตน์จะทำงานของเขาเสร็จตอนเจ็ดโมงเช้า)

11.Future Perfect Tense (อนาคตกาลสมบูรณ์)
ประโยค Future Perfect Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + will, shall + have + V.3
                (ประธาน + will, shall + have + กริยาช่อง 3)
ตัวอย่าง:
1.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ คาดว่าจะสิ้นสุดในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในอนาคต โดยมักใช้กับ by + (by next week, by next month by the end of this year, etc.) เช่น
   - Sukin will have completed my work by tomorrow. (สุคินจะทำงานของฉันเสร็จสมบูรณ์ในวันพรุ่งนี้)
2.ใช้เพื่อแสดงความสงสัยว่า คงจะอย่างนั้น อย่างนี้แล้วก็ได้ เช่น
   - I expect you will have heard that Wanassanan is going to be married next month. (ฉันคาดว่าคุณคงจะทราบข่าวมาแล้วว่า วนัสนันท์จะแต่งงานล่วงหน้า)

12.Future Perfect Progressive Tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์)
ประโยค Future Perfect Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + will, shall + have + been + V.1 ing
                (ประธาน+ will shall +have +been + กริยาช่อง 1 เติม ing)
ตัวอย่าง:
1.เน้นการกระทำหรือเหตุการณ์ที่ ดำเนินอยู่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งและยังคงจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต โดยมักใช้กับ for + เพื่อแสดงระยะเวลาของเหตุการณ์ หรือ การกระทำนั้นๆ เช่น
   - In 5 minutes, Amonrat will have been working for 12 hours. (ในอีกห้านาทีนี้ ผมก็จะทำงานครบ 12   ชั่วโมงพอดี)
 2.ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่ ต้องการเน้นความต่อเนื่องของการกระทำใดการกระทำหนึ่งในอนาคต เช่น
   - He shall have been cleaning his room for an hour when I visit him.
(เขาน่าจะกำลังทำความสะอาดห้องของเขาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วในตอนที่ฉันไปหาเขา)

The End

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น